เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแปรงฟัน เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อดูแลสภาพช่องปากที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ตามหลักมาตรฐานการแปรงฟันที่ดีคือ แปรงฟันหลังจากตื่นนอนและก่อนเข้านอนอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอที่จะช่วยดูแลฟันของเราให้ห่างไกลจากการผุได้แล้ว แต่ทว่าหลายคนยังเกิดข้อสงสัย แม้ตนเองจะมั่นใจว่าแปรงฟันทุกครั้งและแปรงได้อย่างทั่วถึงก็ตาม แต่ก็ยังพบว่าปัญหาภายในช่องปากยังไม่หมดไป ซึ่งนั่นอาจจะเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดในการแปรงฟันแบบไม่ถูกวิธีก็เป็นได้
การแปรงฟันไม่ได้มีเป้าหมายที่การกำจัดเศษอาหาร
ในความเป็นจริงของการแปรงฟัน ไม่ได้เพื่อกำจัดเศษอาหารที่หลงเหลือจากการรับประทานอาหารออกไป แต่เป็นการกพจัดเชื้อแบคทีเรียและคราบพลัคที่กำลังก่อตัวเป็นส่วนหนึ่งของสารเคลือบฟันให้หลุดลอกออกไป ส่วนเศษอาหารจะถูกกำจัดด้วยการใช้น้ำกลั้วปากให้ทั่วด้วยความแรงระดับหนึ่งจึงจะทำให้เศษอาหารหลุดออกไปจากช่องปากได้ หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ การใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่อยู่ตามซอก ดังนั้น การแปรงฟันจึงไม่ใช่การกำจัดเศษอาหารอย่างที่หลายคนเข้าใจ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์จึงเป็นการเข้าไปช่วยซ่อมแซมส่วนของฟันที่เสื่อมสภาพและกำจัดคราบเหลือง สังเกตได้ว่าหลังจากแปรงฟันแล้วจะรู้สึกว่าฟันลื่นๆ ไม่สาก นั่นก็เป็นเพราะว่าคราบพลัคถูกกำจัดออกไปแล้ว
ไม่ควรแปรงฟันบ่อยเกินไป
ความเชื่อนี้ถือว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะแม้ว่าเราจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้งแต่หากแปรงอย่างผิดวิธีก็มีส่วนที่จะทำให้ฟันเกิดการสึกกร่อนได้เช่นกัน แต่หากเรารู้จักแปรงอย่างถูกวิธีไม่ว่าจะแปรงเกิน 3 ครั้งต่อวัน ฟันก็จะไม่เสื่อมสภาพ แถมยังช่วยเพิ่มความสะอาดและลดเชื้อแบคทีเรีย แต่ที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ลักษณะของขนแปรงที่ใช้ ควรเลือกเป็นขนแปรงแบบอ่อน ขนแปรงที่มีความแข็งไม่ได้ช่วยทำให้ฟันสะอาดมากขึ้นแต่ยิ่งเข้าไปทำลายสารเคลือบฟัน ดังนั้น ใครที่ชอบลงแรงในการแปรงฟันแบบหนักมือจึงเป็นวิธีที่ผิด นอกจากนี้ควรแปรงฟันหลังอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้สารเคลือบฟันปรับสมดุลจากการกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดเสียก่อน เป็นการป้องกันการสึกกร่อนที่จะทำให้ฟันผุได้ง่าย
แปรงฟันต้องเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน
ความเชื่อนี้มักได้รับคำแนะนำมาจากแพทย์หรือคำโฆษณาต่างๆ ในความเป็นจริงเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือนอย่างที่เข้ากันแต่อย่างใด การเปลี่ยนจะสังเกตได้ก็ต่อเมื่อขนแปรงเริ่มบานออก มีสีหรือคราบของตะไคร่หรือสิ่งสกปรกฝังแน่นอยู่ภายใน หากพบเจอลักษณะนี้จึงควรเปลี่ยนแปรงสีฟันอันใหม่ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ขนแปรงเริ่มบานออก จะทำให้การแปรงฟันไม่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค ดังนั้นแล้ว เราจึงอาจจะสามารถคงสภาพการใช้งานของมันต่อไปได้อีก 4 เดือนหรือ 6 เดือนตามความคงทนของมัน
หลีกเลี่ยงการแปรงฟันในบริเวณที่มีเลือดออก
หลายคนต้องเผชิญกับอาการเลือดออกตามไรฟันอยู่บ่อยครั้ง ทั้งขณะเคี้ยวอาหาร กัด และโดยเฉพาะในช่วงแปรงฟันที่จะพบอาการของเลือดออกได้บ่อยที่สุด หลายคนเมื่อพบจุดของเลือดออกแล้วก็คิดว่าไม่ควรจะไปยุ่งกับบริเวณนั้นมากเกินไป แปรงฟันเพียงเบาๆ และไม่ให้โดนส่วนของเหงือก แต่ในความเป็นจริงเราไม่ควรหลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณนี้ และควรแปรงให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เนื่องจากจะเป็นการช่วยกำจัดคราบพลัคและเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ ดังนั้น การแปรงฟันแม้ในขณะเลือดออกก็จะไม่ทำให้เหงือกอักเสบรุนแรงมากขึ้น แต่มันยิ่งจะช่วยทำให้การอักเสบลดลงเพราะสิ่งสกปรกบริเวณนั้นถูกกำจัดออกไปมากขึ้น
หากใครกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแปรงฟันดังที่กล่าวไปข้างต้น ก็ควรทำความเข้าใจเสียใหม่ เพื่อการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี ให้ลมหายใจหอมสดชื่นและมีรอยิ้มที่สวยงามมั่นใจได้อย่างเต็มที่