ช่องปากของเราในแต่ละช่วงอายุมีความแตกต่างกัน ในวัยเด็กเราจะพบว่าฟันที่งอกออกมายังคงเป็นฟันน้ำนม เมื่อเริ่มเติบโตมากขึ้นฟันน้ำนมจะหลุดออก และถูกแทนที่ด้วยฟันแท้จนครบทั้งหมด 32 ซี่ ฟันเหล่านี้คือ ฟันจริงที่เราจะต้องดูแลรักษาให้มันคงอยู่ต่อไปให้ได้นานที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงด้วยแร่ธาตุที่ดีสำหรับฟัน ไปจนถึงการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ในช่วงหนุ่มสาวฟันเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่เมื่อนานวันเข้าความเสื่อมสภาพตามธรรมชาติก็เข้ามาแทนที่ ส่งผลให้เมื่ออายุมากขึ้นเหงือกและฟันจะเริ่มแสดงปัญหาที่สะสมเอาไว้ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้น เราควรรู้จักการดูแลรักษาช่องปากอย่างเหมาะสมตามช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นฟันน้ำนมหรือฟันแท้ก็ล้วนมีความสำคัญไปไม่แพ้กัน
การดูแลช่องปากของเด็กวัยทารก
สภาพช่องปากของเด็กทารกจะเป็นช่วงที่ยังไม่มีฟันน้ำนมขึ้นมา โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิด แต่การดูแลช่องปากก็ยังถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่ามาก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตจนทำเจ้าตัวน้อยรู้สึกไม่สบาย การดูแลในช่วงนี้ให้ใช้เพียงแค่ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดส่วนของเหลือก ลิ้นและเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ภายในช่องปากหลังจากการดูดนมเสร็จแล้ว
การดูแลช่องปากของเด็กที่เริ่มมีฟันน้ำนม
เด็กน้อยที่เริ่มมีฟันน้ำนมโผล่ขึ้นมา ซึ่งจะเริ่มจากฟันซี่ล่างเป็นสองซี่แรก จากนั้นจึงตามมาด้วยฟันด้านบนและจุดอื่นๆ ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้ปกครองจะต้องเริ่มให้ความใส่ใจกับการดูแลฟันน้ำนมของพวกเขา แม้มันจะเป็นเพียงแค่ฟันที่มีอายุสั้นๆ แต่ก็สำคัญกับการเคี้ยวอาหารที่จะส่งผลต่อระบบการย่อยได้ ส่วนใหญ่ปัญหาฟันผุที่เกิดขึ้นกับเด็กในวัยนี้มาจากการดูดนมเป็นหลัก เนื่องจากเด็กจะดูดนมเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ฟันต้องสัมผัสกับน้ำตาลในนมอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุทำให้ฟันของเด็กผุได้ง่าย
นอกจากนี้ ในเด็กบางรายยังมีการดูดน้ำหวานและน้ำผลไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลอยู่ด้วย ดังนั้น หลังจากเด็กดูดนมและน้ำผลไม้แล้วให้ทำความสะอาดเช่นเดียวกับวิธีแรกคือ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามซอกฟันอย่างละเอียด รวมไปถึงส่วนของลิ้นและ เพดานและกระพุ้งแก้มด้วย นอกจากนี้การเสริมด้วยอาหารที่มีฟลูออไรด์ยังจะช่วยให้ฟันของเด็กแข็งแรง เป็นการช่วยเพิ่มเกราะป้องกันฟันผุให้ฟันน้ำนมคงอยู่กับพวกเขาไปได้นานมากขึ้น
การดูแลช่องปากในเด็กวัยรุ่น
เด็กวัยรุ่นถือว่าฟันน้ำนมภายในช่องปากหลุดออกไปหมดแล้ว เหลือแค่ส่วนของฟันแท้ที่จะขึ้นจนครบ 32 ซี่ ช่วงวัยนี้ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่จะทำนายได้ว่าฟันแท้ในอนาคตจะเสื่อมสภาพได้ช้าหรือเร็ว การดูแลที่ดีคือ การสร้างสุขลักษณะอนามัยในช่องปากอย่างเหมาะสม แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและก่อนเข้านอน ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนเสริมของฟลูออไรด์จะได้มั่นใจว่าการแปรงฟันช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียออกได้มากที่สุด หลังจากการแปรงฟันแล้วให้ใช้ไหมขัดฟัน กำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันที่การแปรงฟันไม่สามารถเข้าถึงได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารจับตัวกันจนกลายเป็นคราบหินปูนฝันแน่น ส่วนในเรื่องของอาหาร พยายามหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัดที่อุดมไปด้วยน้ำตาล และกลั้วปากทุกครั้งที่รับประทานอาหารเพื่อกำจัดเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่ พร้อมกำจัดแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของฟันผุให้ลดจำนวนลง
การดูแลช่องปากสำหรับวัยผู้ใหญ่
วัยผู้ใหญ่คือ วัยที่สภาพของฟันเริ่มดำเนินเข้าสู่ความเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะผ่านการแปรงฟันมาดีแค่ไหน อย่างน้อยต้องมีจุดใดจุดหนึ่งที่เกิดการผุและสึกกร่อน ปัญหาโรคเหงือกและฟันในวัยนี้จึงพบมากที่สุด คนที่ไม่ค่อยดูแลฟันในช่วงวัยรุ่นจะเริ่มสังเกตได้ว่าช่องปากมีความผิดปกติ ซี่ของฟันยาวขึ้น เหงือกถอยร่อนและมีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก การดูแลรักษาฟันอาจจะต้องเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะบางรายจะมีปัญหาเรื่องคราบหินปูนเกาะ ส่วนที่มีร่องรอยของฟันผุก็ให้ทำการอุดให้หมดเพื่อป้องกันไม่เกิดการรุกลาม นอกจากนี้ ต้องพึงระวังการอักเสบของเหงือกที่มาจากคราบพลัคและหินปูนที่จะทำให้ช่องปากเกิดโรคปริทันต์ ส่วนการดูแลอื่นๆ ไม่ต่างจากช่วงวัยรุ่นคือ แปรงฟันให้สะอาด ใช้ไหมขัดฟัน และหมั่นหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
การดูแลช่องปากสำหรับวัยชรา
ในวัยนี้ฟันภายในช่องปากจะเริ่มเสื่อมสลายและหลุดออกไปบ้าง ทำให้บางคนจำเป็นต้องหันมาพึ่งพาฟันปลอม การดูแลช่องปากในวัยนี้ก็ไม่ต่างจากวัยอื่นๆ เพื่อจะช่วยให้ฟันแท้คงสภาพการใช้งานได้ยาวนาน ลดปัญหาในการเคี้ยวอาหาร เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอจากทันตแพทย์เพื่อจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาช่องปากในบางจุดที่ผิดปกติให้ดีขึ้นได้ อนึ่งผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน สภาพภายในช่องปากก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย การดูแลจึงต้องมีการใส่ใจมากขึ้น
โดยสรุปแล้วไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน การดูแลช่องปากถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและไม่ต่างไปจากกันเท่าใดนัก แต่การจะดูแลรักษาฟันของเราให้ดีอยู่ตลอดไปนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีด้วย